งานโมเสก ศิลปะหรือกลวิธีสร้างสรรค์ภาพหรือลวดลายด้วยชิ้นวัสดุเล็กๆ เรียกว่า เทสเซอเร (เอกพจน์ของเทสเซอรา) ปะติดปะต่อกันด้วยยางไม้หรือซีเมนต์เหลว ศัพท์คำนี้ยังใช้เรียกผลงานที่ทำสำเร็จแล้วด้วย งานโมเสกเป็นงานสร้างภาพตกแต่งที่เก่าแก่ที่สุดประเภทหนึ่ง และเป็นผลงานที่คงทนเป็นเวลานาน อาจใช้การตกแต่งผนังห้อง เพดาน พื้นห้อง ทางเดิน รูปเคารพ และบ้างก็ใช้ในการตกแต่งเครื่องเรือน (ด้วยชิ้นวัสดุที่มีขนาดเล็กมาก) บนเครื่องประดับเพชรพลอย ชิ้นเทสเซอราอาจเป็นชิ้นแก้ว หิน หินอ่อน ไม้กระเบื้อง หรือ วัสดุแข็งที่ไม่เน่าเปื่อยย่อยสลายอื่นๆ งานโมเสกตกแต่งผนังมักใช้ชิ้นแก้วทึบแสงที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และเมื่อตกแต่งจะหันด้านที่ถูกตัดออกเพื่อให้ดูวาววามเมื่อต้องแสงที่ส่องมากระทบ หรือวางในระดับความลึกที่ต่างกันก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเป็นทางเดินหรือพื้นห้องมักจะเรียงชิ้นเทสเซอราแบนราบเพื่อทำให้พื้นที่ตกแต่งราบเรียบสม่ำเสมอกัน
ในช่วงยุคกลางของทวีปยุโรปตลอดยุคสมัยนั้น งานโมเสกทำโดยการเรียงชิ้นเทสเซอราลงบนผิวพื้นที่โบกปูนแล้วทีละชิ้น ตั้งแต่ช่วงเวลานั้นงานโมเสกจะถูกประกอบขึ้นในห้องปฏิบัติงานศิลปะเป็นส่วนๆ วิธีการที่รู้จักกันโดยทั่วไปในภาษาอิตาเลียนเรียกว่า โมเซโก อะ ริโวลตูรา โดยการเรียงชิ้นเทสเซอราลงบนถาดที่ใส่ทรายแห้ง แล้วเอากระดาษหรือผ้าทากาวประเภทล้างน้ำออกปะลงบนชิ้นที่จัดแล้วซึ่งจะช่วยทำให้ชิ้นเทสเซอราเหล่านี้ติดอยู่รวมกันเป็นลวดลายตามต้องการ แล้วจึงนำส่วนดังกล่าวไปผนึกลงบนพื้นที่ทายางไม้หรือซีเมนต์เหลวไว้แล้ว หลังจากอยู่ตัวแล้วจึงล้างลอกกระดาษทิ้ง บางครั้งก็จะเอาชิ้นเทสเซอราปะกาว เอาด้านหน้าลงติดกับแผ่นกระดาษแบบร่างแล้วจึงนำไปติดกับผนัง
งานโมเสกนิยมทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ในยุคกรีกและโรมันโบราณและในอารยธรรมโบราณอื่นๆ ผลงานที่สามารถจัดว่าเป็นงานโมเสกในยุคแรกๆของโลก ได้แก่ งานตกแต่งพื้นผิวในอารยธรรมซูเมอเรียน เขาใช้ลิ่มดินเหนียวซึ่งมีหัวเป็นสี หรือปราศจากสีฝังลงในผนังที่ยังเปียกมาตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ภาพโมเสกในยุคกรีกและโรมันโบราณวิวัฒนาการมาจากใช้ชิ้นหินหรือเปลือกหอยตกแต่งเป็นลวดลายรูปเรขาคณิต โดยฝังวัสดุเหล่านี้ลงในปูนที่ฉาบผิว ซึ่งกลวิธีนี้ทำกันมาตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตกาลในประเทศกรีก และก่อนหน้านั้นหลายร้อยปีในบริเวณแถบเกาะครีตและแถวเอเชียน้อย งานโมเสกด้วยกรวดหลากสีทำขึ้นในช่วงประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาล งานเด่นๆ สองแหล่งในช่วงเวลานี้ได้แก่ งานโมเสก ซึ่งค้นพบที่โอลินโตส และเพลลาในเมซิโดนเนีย เป็นผลงานที่ตกแต่งด้วยรูปแบบและเรื่องราวในเทพนิยายกรีกอย่างสวยงาม ภาพที่ประดับผนังเป็นแถบแนวยาวและมีขอบที่ประณีตวิจิตร ชิ้นเทสเซอราที่ทำจากหินที่ต่อยให้มีขอบเป็นมุมแหลงเริ่มใช้กันในช่วง 100 ปี ก่อนคริสตกาล แต่เดิมนั้นใช้ตกแต่งในบริเวณรายละเอียด (เช่นบริเวณใบหน้า) ต่อมาได้ใช้ก้อนกรวดเป็นส่วนประกอบหลักในการตกแต่ง
ภาพโมเสกชิ้นที่เด่นมีชื่อเสียงใน ยุคเฮลเลนิสติก เป็นภาพที่อยู่บนพื้นบ้านของฟอน ที่ปอมเปอี (100 ปีก่อนคริสตกาล) ปัจจุบันนี้ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ นครเนเปิล เป็นภาพถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามระหว่างพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์กับกษัตริย์ดาริอุส ส่วนงานโมเสกของจักรวรรดิโรมัน ได้แก่ งานโมเสกที่ตกแต่งวิลล่าของจักรพรรดิเฮเดรียนใกล้ทิโวลิ และโมเสกภาพสงครามระหว่างเซนทอร์กับสัตว์ป่า ซึ่งอาจเป็นงานโมเสกที่จำลองแบบมาจากงานจิตรกรรมกรีก ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่สอง ก่อนหน้าคริสต์ศักราชที่ 1 งานโมเสกที่เป็นรูปภาพที่มีเนื้อหาเรื่องราวมักจะทำกันบนพื้นหรือทางเดิน ส่วนภาพฝาผนังนั้นมีทำกันเมื่อเข้าสู่ยุคคริสเตียนตอนต้น
มีแนวโน้มให้เห็นเป็นหลักฐานว่า การใช้ชิ้นเทสเซอราซึ่งทำจากชิ้นแก้วสีทึบแสงที่ทำกันอยู่ในยุคกลางในประเทศแถบตะวันตกนั้นคงได้รับอิทธิพลมาจากงานโมเสกที่ทำในเมืองบิแซน ติอุมในแบบอย่างของบิแซนทีน ตัวย่างที่เห็นเด่นชัดคือ งานโมเสกที่งดงามมี่กรุงคอนสแตนติ โนเปิล ราเวนนา เวนีส และโรม งานโมเสกแบบบิแซนติอุม ส่วนใหญ่สร้างเป็นภาพ และมักกลมกลืนผสานไปกับองค์ประกอบต่างๆ ทางด้านสถาปัตยกรรมประเภทโบสถ์วิหาร มีตัวอย่างให้เห็นการผสมกลมกลืมนี้จากภาพโมเสกฝาผนังที่คาทอลิกอนแห่งแดฟนี ในประเทศกรีก งานโมเสก ณ ที่นี้จัดให้ร่างของพระคริสต์ แม่พระ นักบุญต่างๆ และศาสดาพยากรณ์ เรียงลดหลั่นกันตามความสำคัญแห่งฐานันดรศักดิ์ของแต่ละบุคคลในภาพ รูปของบุคคลเหล่านี้คือลักษณะทั่วไปของ ศิลปะสมัยบิแซนทีน ภาพโมเสกที่เด่นที่สุดของสถานที่แห่งนี้ได้แก่ ภาพ Christ Pantocrator ที่ประดับหอหลังคาโดม ซึ่งงดงามอร่ามเรืองเป็นอย่างยิ่ง งานโมเสกชิ้นนี้ถือเป็นสมบัติอันประเสริฐแห่งที่ยุคบิแซนทีน
ในระหว่างยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ช่างหรือตระกูลช่างโมเสกผู้ชำนาญเริ่มรับเอาผลงานของจิตรกรมีชื่อมาใช้เป็นแบบในงานโมเสกของตนโดยจิตรกรจะสร้างภาพวาดที่ใช้ทำแบบให้กับช่างดังเช่น จิตรกรราฟาเอล วาดภาพเป็นแบบให้ช่างทำเป็นงานโมเสกประดับโดมของโบสถ์คีจี แห่งวัดซานตามาเรีย เดล โปโปโล ในกรุงโรม ประมาณ ค.ศ.1516 และโมเสกอีกหลายชิ้นซึ่ง ประดับห้องประชุมในวัดเซนต์มาร์คในเวนีส ซึ่งทำขึ้นระหว่าง ค.ศ.1535 และ 1545 สร้างขึ้นจากภาพวาดโดย จิตรกรทิเชียน |